Windscribe เป็นผู้ให้บริการ VPN ที่มีฐานอยู่ในแคนาดา ซึ่งสร้างชื่อด้วยการเสนอทั้งแผนบริการฟรีและเสียเงิน คุณสมบัติที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ซึ่งบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นในด้านความปลอดภัยและการเปิดเผยข้อมูล นอกจากการเป็นเพียงแค่ VPN Windscribe ยังมีตัวป้องกัน VPN ในตัว และยังเสนอตัวไฟร์วอลล์ ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้กลายเป็นเครื่องมือที่หลากหลายสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว
การกำหนดราคาและแผนบริการ
Windscribe มีแผนราคาที่เรียบง่ายและยืดหยุ่น รวมทั้งแผนรายปี แผนรายเดือน และตัวเลือกที่ไม่เหมือนใครที่เรียกว่า "Build a Plan" ซึ่งคุณสามารถจ่ายเพียง $1 ต่อเดือนสำหรับการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ (ตำแหน่ง) เพียงแห่งเดียว
นอกจากนี้ Windscribe ยังให้บริการแผนฟรี โดยคุณสามารถได้รับข้อมูลฟรีสูงสุด 10 GB ต่อเดือนโดยให้ที่อยู่อีเมลของคุณ หรือ 2 GB หากไม่ให้ ประโยชน์สำคัญของแผนฟรีของ Windscribe คือพวกเขาไม่มีการจำกัดความเร็ว – คุณจะได้รับประสิทธิภาพและฟีเจอร์เดียวกันกับผู้ใช้ที่เสียเงิน
คุณอาจสนใจใน: การจัดอันดับบริการ VPN ในประเทศไทย 2025
คุณสมบัติสำคัญ
1. ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่ง
ความปลอดภัยเป็นจุดเด่นหนึ่ง โดยบริษัทใช้ AES-256-bit encryption เพื่อปกป้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณ สามารถจัดการกับโปรโตคอล VPN หลายชนิด เช่น OpenVPN, IKEv2 และโปรโตคอลใหม่ WireGuard ซึ่งให้ทั้งความยืดหยุ่นและความปลอดภัยในเวลาเดียวกัน
- No-Logs Policy: Windscribe มี no-logs policy ซึ่งหมายความว่าผู้ให้บริการไม่บันทึกกิจกรรมของผู้ใช้ เวลาที่เชื่อมต่อ ตำแหน่ง IP หรือประวัติการใช้เซสชัน แม้ว่า Windscribe จะตั้งอยู่ในแคนาดาและเป็นสมาชิกของพันธมิตรการแบ่งปันข่าวสาร Five Eyes ซึ่งบางคนอาจกังวลเกี่ยวกับเขตอำนาจศาล
- Double Hop: Windscribe มีตัวเลือก “Double Hop” ที่ให้ผู้ใช้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN สองตัวเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลของพวกเขาปลอดภัยมากขึ้นและไม่สามารถติดตามย้อนกลับได้ นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความไม่ระบุตัวตน
2. แผนฟรีที่ใจกว้าง
Windscribe มีชื่อเสียงด้านแผนฟรีที่ใจกว้างซึ่งให้ข้อมูล 10 GB ต่อเดือน ซึ่งสูงกว่าที่ VPN ฟรีส่วนใหญ่ให้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ผู้ใช้สามารถเพิ่มจากเดิมได้อีก 5 GB ด้วยการทวีตเกี่ยวกับบริการนี้ ซึ่งแสดงถึงแนวทางเฉพาะของ Windscribe ในการให้รางวัลแก่ผู้ใช้ฟรี
3. R.O.B.E.R.T.: บล็อคโฆษณาและมัลแวร์ที่ปรับแต่งได้
หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของ Windscribe คือ R.O.B.E.R.T. ซึ่งเป็นเครื่องมือที่รวมตัว บล็อกโฆษณา, ตัวติดตาม, มัลแวร์ และแม้กระทั่งวิดเจ็ตโซเชียลมีเดีย R.O.B.E.R.T. ปรับแต่งได้ ทำให้ผู้ใช้สร้างรายการบล็อคหรือรายการอนุญาตเว็บไซต์เฉพาะตามความต้องการ
4. อุปกรณ์ไม่จำกัด
Windscribe ให้คุณเชื่อมต่อบัญชีกับอุปกรณ์ได้ไม่จำกัด ซึ่งทำให้เหนือกว่า VPN อื่น ๆ ที่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ซึ่งสามารถใช้พร้อมกันได้ (หมายความว่า Windscribe เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับครัวเรือนด้วย)
5. Split tunneling และคุณสมบัติขั้นสูง
Windscribe มี split tunneling ที่ช่วยให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าแอปพลิเคชันใดจะใช้การเชื่อมต่อ VPN และแอปใดที่จะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง นี่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการเข้าถึงบริการท้องถิ่นขณะที่ยังปกป้องกิจกรรมอื่น ๆ ผ่าน VPN
คุณสมบัติขั้นสูงอื่น ๆ รวมถึง:
- Kill switch: ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยอัตโนมัติหากการเชื่อมต่อ VPN ขาดหาย ป้องกันการรั่วของข้อมูล
- Port forwarding: ให้บริการสำหรับผู้ใช้ Pro ช่วยให้เข้าถึงทรัพยากรในเครือข่ายภายในได้อย่างปลอดภัย
- Static IP: ให้ผู้ใช้ได้รับ IP แอดเดรสเฉพาะในตำแหน่งที่ตั้งที่เลือก เพื่อการเข้าถึงบริการบางตัว
- Open-source software: หนึ่งในจุดแข็งของ Windscribe คือซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ซึ่งให้ผู้ใช้ตรวจสอบโค้ดเพื่อยืนยันความปลอดภัยและความโปร่งใสได้
Windscribe เหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหาเวอร์ชันฟรีหรือ VPN ที่มีซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่ดี หากคุณได้ทดลองใช้ Windscribe ด้วยตัวเอง เรายินดีรับฟังความคิดเห็นของคุณ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ดังนั้นเขียนรีวิวด้านล่างและช่วยให้ผู้ใช้อื่น ๆ ได้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจในการเลือกผู้ให้บริการ VPN!
การจัดอันดับบริการ VPN ในประเทศไทย